วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555



เทคนิคการยิงปืนพก ประกอบด้วย
1.ท่าทาง ( STANCE )
2.การจับปืน ( GRIP )
3.การจัดศูนย์ ( SIGHT ALLIGEMENT )
4.การเล็ง ( SIGHT PICTURE )
5.การควบคุมลมหายใจ ( BREATHING CONTROL )
6.การลั่นไก ( TRIGGER CONTROL )
7.การเล็งตาม ( FOLLOW  THROUGH )
ท่าทาง ( STANCE )
- ยืนตัวตรงกับเป้า  เท้าแยกพอประมาณ ( ประมาณเสมอไหล่ )
- นน.ตัวอยู่ระหว่างกลางของเท้าทั้งสองข้าง ขาเหยียดตึง
- ล็อกเข่า เอว ไหล่ คอตั้งตรง ตามองที่เป้า
การจับปืน( GRIP )
- จับให้สูงใกล้แนวลำกล้องมากที่สุด เพื่อลดแรงสะท้อนถอยหลัง
- จับปืนให้กระชับให้แนวลำกล้องอยู่ใกล้แนวแขนมากที่สุด
- จัดวางนิ้วชี้ให้พอดีกับตำแหน่งที่เหนี่ยวไก
- ออกแรงบีบหน้าด้ามปืน ส่งแรงผ่านอุ้งมือ แล้วอัดเข้ากับข้อมือ มือที่ไม่ถนัดนำมาประกบ ล็อกข้อมือ
การจัดศูนย์( SIGHT ALLIGEMENT )
- จับปืนชี้ลงพื้นประมาณ 45 องศา แขนเหยียดตึง
 - จัดศูนย์พอดีแล้วล็อกไว้
 - เงยหน้ามองหาเป้า จะเกิดแนวเส้นเล็ง ตา เป้า
 - ยกปืนขึ้นสู่แนวเส้นเล็ง จะเกิดภาพ ตา ศูนย์หลัง - ศูนย์หน้า - เป้า
 - ถ้าไม่ตรง ให้จับปืนใหม่ หรือขยับตัวทางข้าง เข้า ออกจนตรงพอดี ถ้าทำไม่ได้ให้กลับไปทำข้อ 1 ใหม่
การเล็ง( SIGHT PICTURE )
- ต้องมีสมาธิดี
- ปรับสายตาให้มองเห็นศูนย์ให้ชัด ( ศูนย์พอดี )
- ปรับสายตาผ่านศูนย์ให้เห็นเป้า หาจุดเล็ง
- ทำตามข้อ 2-3 สลับไป สลับมาหลาย ๆ ครั้ง เพื่อ
- ควบคุมภาพเล็งให้สมบูรณ์ตลอดเวลา และจะทำให้เกิดสมาธิ จิตมุ่งที่ภาพเล็ง จะรู้การเคลื่อนไหวของภาพเล็งและเป้า
การควบคุมลมหายใจ( BREATHING CONTROL ) เพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหวน้อยที่สุด ให้ได้ภาพเล็งที่นิ่งที่สุด ปฏิบัติดังนี้
 - หายใจเข้า 100 % แล้วผ่อนออก 20 %
 - กลั้นหายใจไว้ประมาณ 6 - 10 วินาที
การลั่นไก( TRIGGER CONTROL )
- ออกแรงเหนี่ยวไกอย่างสม่ำเสมอจนกว่ากระสุนจะลั่น
- ถ้าลั่นไกไม่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดแล้วให้ยกเลิก
- กลับมาเริ่มต้นใหม่
การเล็งตาม( FOLLOW THROUGH )
- เล็งตามทุกครั้งที่ทำการลั่นไก
- เพื่อให้มั่นใจว่าเกิดภาพเล็งที่สมบูรณ์ตลอดเวลา
- เพื่อให้ภาพเล็งในนัดต่อไปกลับมาอย่างเร็ว


** ทุกครั้งที่ปฏิบัติแล้วรู้สึกว่าไม่มั่นใจ ไม่ดีพอ ให้เิริ่มนับ 1 ใหม่ อย่าไปฝืนลั่นไก....

 ฝึกให้ได้ตามนี้ แล้วเป้าของท่านจะไม่สะอาดอีกต่อไป...

ภาพการจัดศูนย์และการเล็ง


ส่วนประกอบของปืนที่สำคัญ

ส่วนประกอบของปืน


ส่วนประกอบของปืนที่สำคัญว่าส่วนไหนเขาเรียกว่าอะไร  เพราะเมื่อเราค้นคว้าเพิ่มเติมจะทำให้เราสามารถอ่านคู่มือเป็นภาษาอังกฤษได้ ซึ่งที่สำัคัญๆ ก็มีอยู่ ๕ ชิ้นส่วนด้วยกันครับ สำหรับปืนกระบอกนี้เป็นปืน ประจำการของกองทัพสหรัฐฯ เอ็ม ๙ ซึ่งที่จริงก็คือ ปืนบาเล็ตต้า ๙๒ เอฟเอส (Berretta 92FS) นั่นเอง
๑. Slide and Barrel Assembly เป็นส่วนที่ตั้งของยรรดา เข็มแทงชนวน ตัวถอนปลอกลูกปืน และตัวง้างไกในขณะปืนถอยหลัง
๒. Recoil Spring and Recoil Spring Guide ทำหน้าที่ดูดซับแรงถอยของปืน และทำหน้าที่นำโครงปืนส่วนบนหรือสไลด์กลับไปยังตำแหน่งปกติ
๓. Barrel and Locking Block Assembly ส่วนนี้เป็นส่วนที่บรรจุลูกปืนในขณะที่จะทำการยิง และทำหน้าที่นำหัวกระสุนออกจากรังเพลิงเพื่อโคจรไปตามวิถีกระสุน และทำหน้าที่ล็อกหรือยึดตรึงลำกล้องในขณะยิง
๔. Receiver ทำหน้าที่รองรับส่วนประกอบของปืนหลักทั้งหมด รวมไปถึงควบคุมการทำงานของปืน
๕. Magazine ทำหน้าที่บรรจุกระสุนเพื่อป้อนเข้ารักเพลิง

ความหมายของอาวุธปืน


อาวุธปืน


อาวุธปืน เป็นอาวุธซึ่งยิงกระสุนหนึ่งหรือมากกว่าด้วยความเร็วสูงผ่านทางการควบคุมการระเบิดของดินปืน การยิงเกิดขึ้นได้โดยแก๊สที่เกิดอย่างรวดเร็ว กระบวนการการเผาไหม้ที่รวดเร็วนี้เรียกว่าดีแฟล็กเกรชั่น (deflagration) ในอาวุธปืนแบบเก่าการเคลื่อนที่นี้เกิดจากดินปืน แต่ในยุคปัจจุบันอาวุธปืนนั้นจะใช้ดินปืนที่มีควันน้อยกว่า คอร์ไดท์ หรืออื่นๆ อาวุธปืนในปัจจุบัน (ยกเว้นปืนลูกซอง) จะมีลำกล้องที่ข้างในทำร่องเป็นเกลียวเพื่อเพิ่มการหมุนให้กับกระสุนซึ่งจะสร้างความมีเสถียรภาพ

ปืนสั้นหรือปืนพก


          

  ปืนสั้นหรือปืนพก

                                                                                                                                                                 อาวุธปืนขนาดเล็กที่สุดนั้นคือปืนสั้นหรือปืนพก ปืนสั้นนั้นมีด้วยกันสามชนิด คือ แบบยิงทีละนัด ปืนลูกโม่ และปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ปืนลูกโม่จะมีจำนวนการยิงตามช่องใส่กระสุนทรงกระบอก ในแต่ละช่องของทรงกระบอกจะบรรจุกระสุนเอาไว้หนึ่งนัด ปืนพกกึ่งอัตโนมัติจะมีช่องปืนเพียงช่องเดียวที่ด้านท้ายของลำกล้องและมีแมกกาซีนที่สามารถเปลี่ยนได้จึงทำให้พวกมันสามารถยิงได้มากกว่าหนึ่งนัด ปืนลูกโม่มาเตบาของอิตาลีเป็นแบบลูกผสมที่หายาก ในการเหนี่ยงไกแต่ละครั้งจะหมุนกระบอกทันทีจนทำให้มันยิงได้อย่างรวดเร็ว ปืนเว้บลีย์ของอังกฤษก็เป็นปืนลูกโม่อัตโนมัติเช่นกัน มันเกิดขึ้นประมาณศตวรษที่ 20
ปืนสั้นแตกต่างจากปืนเล็กยาวหรือปืนไรเฟิลและปืนลูกซองด้วยขนาดที่เล็กกว่า ขาดพานท้าย กระสุนที่ไม่ทรงพลังเท่า และถูกออกแบบมาเพื่อใช้ด้วยหนึ่งหรือสองมือ ในขณะที่คำว่า"ปืนพก"สามารถใช้เพื่อบรรยายถึงปืนสั้น มันมักหมายถึงปืนพกที่ยิงทีละนัดหรือแบบที่ป้อนกระสุนอัตโนมัติ และปืนลูกโม่ก็จะหมายความโดยตรง
คำว่า"ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ"ใช้และบางครั้งก็เข้าใจผิดว่าเป็นปืนอัตโนมัติ เนื่องจากอันที่จริงแล้วคำว่าอัตโนมัติของมันไม่ได้หมายถึงกลไกการยิงแต่เป็นการป้อนกระสุน เมื่อยิงปืนพกกึ่งอัตโนมัติจะใช้แก๊สเพื่อดีดปลอกกระสุนเก่าออกและใส่กระสุนใหม่เข้าไปแทนโดยอัตโนมัติ โดยปกติแล้ว (แต่ก็ไม่เสมอไป) กลไกการยิงก็เป็นระบบอัตโนมัติเช่นกัน ปืนพกอัตโนมัติจะยิงกระสุนหนึ่งนัดต่อการเหนี่ยวไกหนึ่งครั้ง ไม่เหมือนกับอาวุธปืนอัตโนมัติอย่างปืนกลซึ่งยิงตลอดนานเท่าที่เหนี่ยวไกและจะมีปลอกกระสุนที่ยังไม่ได้ใช้ในแมกกาซีน อย่างไรก็ตามปืนพกบางรุ่นก็เป็นแบบอัตโนมัติเต็มที่ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน ทั้ง"กึ่งอัตโนมัติ"และ"บรรจุกระสุนอัตโนมัติ"จึงหมายถึงอาวุธปืนที่ยิงหนึ่งนัดต่อการเหนี่ยวไก
ก่อนศตวรรษที่ 19 ปืนสั้นทั้งหมดเป็นแบบยิงทีละนัด ด้วยการประดิษฐ์ปืนลูกโม่ขึ้นมาในปีพ.ศ. 2321 ปืนพกก็สามารถมีกระสุนได้มากกว่าหนึ่งและมันก็กลายมาเป็นที่นิยม การออกแบบปืนพกบรรจุกระสุนอัตโนมัตินั้นปรากฏตัวขึ้นในทศวรรษที่ 1870 และได้เข้ามาแทนที่ปืนลูกโม่เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อจบศตวรรษที่ 20 ปืนสั้นส่วนมากที่ถูกใช้โดยกองทัพ ตำรวจ และพลเรือนเป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าปืนลูกโม่ยังคงเป็นที่แพร่หลายอยู่ กองทัพและตำรวจใช้ปืนพกกึ่งอัตโนมัติเพราะว่าความจุของแมกกาซีนที่มากและความสามารถในการบรรจุกระสุนได้อย่างรวดเร็ว ปืนลูกโม่เป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักสะสมเพราะว่ามันทรงพลังมากกว่าปืนรุ่นใหม่และความทนทาน ง่ายดาย และแข็งแกร่งทำให้มันเหมาะกับการใช้อย่างทรหด การออกแบบทั้งสองเป็นที่นิยมในหมู่พลเรือนซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของ
ปืนสั้นมีหลายรูปร่างและขนาด ตัวอย่างเช่น "เดอร์ริงเกอร์"เป็นปืนที่มีขนาดเล็กมาก ลำกล้องที่สั้น มักมีหนึ่งหรือสองลำกล้องแต่บางครั้งก็มีมากกว่านั้น ซึ่งต้องบรรจุกระสุนด้วยมือหลังจากทำการยิง ปืนสำหรับการดวล มันถูกใช้อย่างมากในหมู่สุภาพบุรุษ พวกเขามักมีมันเพื่อแสดงถึงตำแหน่งและความสูงศักดิ์ ปืนลูกโม่และปืนพกบรรจุกระสุนอัตโนมัติมีขนาดที่หลากหลาย ซึ่งปืนพกแบบใหม่มักสี่ขนาด ในแต่ละขนาดจะมีข้อดีและข้อด้อย ปืนที่เล็กกว่ามักจะต้องแลกด้วยกระสุนที่น้อยลง ในขณะที่ปืนที่ใหญ่กว่าก็จะมีความแม่นยำมากกว่า ในปืนแบบอัตโนมัติอย่าง เอ็มเอซี-10 กล็อก 18 และเบเรทต้า 93อาร์เป็นการพัฒนาครั้งล่าสุดของศวรรษที่ 20
ปืนสั้นมีขนาดเล็กและมักง่ายที่จะพกพา ดังนั้นทำให้มือทั้งสองนั้นว่างพอที่จะทำอย่างอื่นได้ ปืนสั้นที่มีขนาดเล็กสามารถเก็บซ่อนได้ง่าย ทำให้มันถูกเลือกเป็นอาวุธสำหรับป้องกันตัว ในกองทัพปืนสั้นมักใช้โดยผู้ที่ไม่คาดว่าจะต้องใช้อาวุธปืนจริงๆ อย่างนายพลและนายทหาร และสำหรับผู้ที่ไม่มีที่ว่างพอจะใช้ปืนเล็กยาวอย่างนักบินหรือพลขับยานพาหนะ ในบทบาทสุดท้ายนี้พวกมันมักถูกใช้เป็นคาร์บิน คือปืนเล็กยาวขนาดสั้นซึ่งมักใช้โดยทหารพลร่มเพราะว่าขนาดที่เล็กของมัน ปืนสั้นยังถูกใช้โดยพลปืนเล็กยาวในฐานะอาวุธสำรอง อย่างไรก็ดีความเชื่อถือได้ในการยิงและอำนาจการยิงนั้นก็ตกเป็นของปืนเล็กยาวจู่โจม มันจึงทำให้ปืนสั้นแทบหมดประโยชน์ไปเมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ 20 นอกจากกองทัพแล้วปืนสั้นก็มักเป็นอาวุธของตำรวจและพลเรือนตามกฎหมาย

พลเมืองมีสิทธิในการพกอาวุธในที่สาธารณะเป็นปืนสั้นเท่านั้นยกเว้นเมื่อทำการล่าสัตว์ เพราะอาวุธปืนที่ไม่ได้ปกปิดนั้นจะดังดูดความสนใจและไม่ค่อยปลอดภัยนัก ปืนสั้นยังถูกใช้ในกีฬาถึงแม้ว่าการล่าสัตว์ที่เป็นกีฬานั้นจะไม่เหมาะกับปืนสั้นก็ตาม นักล่าสัตว์บางคนที่ต้องทการล่าในที่ที่แคบก็มักเลือกที่จะใช้ปืนสั้นแทน กระสุนปืนสั้นยังถูกกว่ากระสุนของปืนเล็กยาวและมักมีประสิทธิภาพกับสัตว์หลายชนิด

[แก้]


เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก










ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ให้บริการ blog

1. www.bloggang.com เว็บแรกที่นำมาแนะนำให้รู้จักกันก็คือ BlogGang.com ซึ่งเป็น Weblog ที่เป็นภาษาไทย และก็เป็นของคนไทยทำด้วยเช่นกัน เว็บนี้เขามีสโลแกนที่อ่านดูแล้วโดนใจไม่ใช่น้อย \"Weblog for you and your gang\"

2. 
www.blogger.com สำหรับ Weblog ถัดมาที่เรานำมาแนะนำให้รู้จักกันคือ blogger.com ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมและโด่งดังในต่างประ เทศมาก และก็เป็น Weblog อันดับต้นๆ ที่เปิดให้บริการด้วย หน้าแรกของเว็บออกแบบมาง่ายๆ แต่ก็ได้ใจคนใช้บริการไปเยอะทีเดียว
3. weblog.manager.co.th ใครที่ชอบอ่านข่าวการบ้าน การเมือง หรือบันเทิงจากเว็บไซต์ผู้จัดการเป็นประจำอยู่ละก็ ตอนนี้แนะนำให้คุณลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกของเว็บนี้เพราะคุณจะได้สิทธิ์ในการมี blog เป็นของตนเอง รวมถึงการเข้าไปอ่าน blog ดีๆ จากเพื่อนสมาชิกด้วย เทาที่ดูคร่าวๆ นั้น แฟนๆ ของเว็บผู้จัดการมีจำนวนมากทีเดียว สังเกตได้จากจำนวนสมาชิกและผู้ที่เข้ามาอ่านข้อความใน blog ต่างๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอ

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประเภทของ Blog



ประเภทของ Blog

      บล็อกที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็นตัวหนังสือและรูปภาพเท่านั้น หรือ มีแค่ออนไลน์ไดอารี่ เราแบ่งบล็อกออกได้ ดังต่อไปนี้
  1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่1.1. Linklog บล็อกแบบนี้น่าจะเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ เป็นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ ถ้าคณยังจำผู้ให้กำเนิดคำว่า บล็อกที่ชื่อ จอห์น บาจเจอร์ได้ นั่นแหล่ะครับ robotwisdom.com ของเขาคือตัวอย่างของ linklog นั่นเอง แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรียงเหมือนว็บไดเร็กทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 –                  
2ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเป็นของตนเองแต่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำบล็อกแบบไหน     linklog น่าจะเป็นการเริ่มต้นการทำบล็อกได้เป็นอย่างดี1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนำเสนอ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรียกได้ว่าภาพโดยเจ้าของบล็อกล้วน ๆ เลยครับ1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่เรียกได้ว่าเป็นบล็อกที่นิยมทำกันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทำให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie
3. แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นำแสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจำวันของเจ้าของบล็อกเป็นหลัก2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นำเสนอข่าวเป็นหลัก2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกันเป็นกลุ่ม เช่น blognone.com2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุทธิชัย หยุ่น2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นำเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอเงิน เรื่องซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยในต่างประเทศมักจะใช้บล็อกเป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความคิดกัน2.9 ติวเตอร์บล็อก(Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นำเสนอวิธีการต่าง

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ปืนพกสั้น 9มม.


เพิ่มคำอธิบายภาพ
ปืนพก 9 มม.

ความหมายของเว็บบล็อก



ความหมายของBlog




ความหมายของ Blog
Blog คืออะไร

                                                                         Blog คืออะไร
                               Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)
                               ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น
จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง
ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPressMovable Type เป็นต้น
                                ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจากการเขียนเป็นงานอดิเรกของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูลตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจนกระทั่งเรื่องราวของการประชุมระดับชาติ