การปฏิบัติเกี่ยวกับการตรวจค้นบุคคลพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ
ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
กองวิจัยและวางแผน
ส่วนราชการกรมตำรวจ
ที่ 0503 ( ส ) / 27663
วันที่ 30 กันยายน 2525
เรื่อง การปฏิบัติเกี่ยวกับการตรวจค้นบุคคลพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณสถาน
ผบช. , ผบก. , หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าทุกหน่วยงาน
ตามบันทึก ตร.ที่ 0501 /30476 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2517 กำหนดแนวทาง
ในการปฏิบัติของข้าราชการตำรวจ ให้ใช้ดุลพินิจในการตรวจค้น จับกุม
ผู้พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณสถานให้เป็นการถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 371 ได้บัญญัติไว้
ต่อมาได้มีคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน
ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 8 ทวิ แห่ง พรบ. อาวุธปืนฯ
พ.ศ. 2490 ขึ้นอีก ในทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในปัจจุบันยังคงมีปัญหา
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบบุคคลพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ
โดยมีเพียงใบอนุญาต
ให้มีและใช้อาวุธปืน ( ป. 4
) แต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว
( ป. 12 )
ก็มักจะควบคุมตัวมาดำเนินคดีทุกรายไป ทำให้เป็นที่เดือดร้อนแก่ผู้บริสุทธิ์ที่ถูกตรวจค้น
และจับกุม เพื่อให้การปฏิบัติของเจ้าพนักงานตำรวจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
และถูกต้อง
จึงขอซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้ ตามบทบัญญัติ
มาตรา 8 ทวิ แห่ง พรบ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งคณะปฏิรูป
การปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3 กำหนดว่า ห้ามมิให้
ผู้ใดพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
ให้มีอาวุธปืนติดตัว
เว้นแต่กรณีต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควร
แก่พฤติการณ์
ไม่ว่ากรณีใด
ห้ามมิให้พกพาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผยหรือพาไปในที่ชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้น
เพื่อนมัสการ
การรื่นเริง
การมหรสพ หรือการอื่นใด
:) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า กฎหมายยังคงเปิดโอกาส ให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์
นำเอาอาวุธปืนที่ตนมีไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้พกพา
ติดตัวไปเพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สินได้
ภายในขอบเขตที่กฎหมายให้กระทำได้
ตามแนวคำชี้ขาดไม่ฟ้องคดีของอธิบดีกรมอัยการเกี่ยวกับการพกพาอาวุธปืนไปในเมือง
หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ
โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้พกพาจากเจ้าพนักงาน
ซึ่งถือว่าโดยสภาพเป็นกรณีที่ต้องมีอาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วน
ตามสมควรแก่พฤติการณ์
มีแนวทางพอสรุปได้ดังนี้คือ
1. ถ้าได้นำอาวุธปืนใส่กระเป๋าเก็บไว้ในช่องเก็บของท้ายรถ
ซึ่งไม่สามารถหยิบใช้ได้ทันทีทันใด
2. เอาอาวุธปืนใส่กระเป๋าใส่กุญแจแล้ววางไว้ในรถซึ่งไม่สามารถหยิบใช้ได้ในทันทีทันใด
3. ไปเก็บเงินจากลูกค้าต่างจังหวัด จำนวนเป็นหมื่นๆ
นำติดตัวมาแล้วมีอาวุธปืน
ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้ว ใส่ช่องเก็บของหน้ารถยนต์เพื่อป้องกันตัวและทรัพย์สิน
4. ไปเก็บเงินจากลูกค้าต่างจังหวัด นำอาวุธปืนติดตัวมาด้วย
โดยแยกอาวุธปืน
และเครื่องกระสุนปืนออกจากกัน ใส่กระเป๋าเอกสารไว้ที่พนักเบาะหลังรถยนต์
5. ห่ออาวุธปืน และแหนบบรรจุกระสุนปืน ( แมกกาซีน ) แยกออกคนละห่อเก็บไว้ในกระโปรง
รถยนต์ซึ่งใส่กุญแจ
จึงแจ้งมาเพื่อทราบและแจ้งให้ข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อใช้เป็นดุลพินิจ
ประกอบการพิจารณาในการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องนี้ต่อไป
ลงชื่อ พล.ต.ท.ณรงค์ มหานนท์
( ณรงค์ มหานนท์ )
รองอ.ตร.ปป.ปร.ท.อ.ตร.
ลองๆทำตามดู น่าจะยังใช้บังคับอยู่ครับ ...
ทีนี้มาดูผล ของการปฏิบัติตามแบบนี้กันดูบ้างครับ
เรื่องทั้งหมดนี้มีที่มาสามารถอ้างอิงได้ โดยผมจะลงที่มาเอาไว้ให้ด้วยครับ
เพื่อจะได้ไปเปิดค้นดูได้ถึงที่มาที่ไป...
เรื่องที่ ๑
ผู้ต้องหาถูกตำรวจจับได้ในขณะขับรถยนต์ไปเก็บเงินลูกค้าที่ผู้ต้องหา
ขายยาที่จังหวัดสมุทรสาครเป็นเงินจำนวน ๓๕,๐๐๐ บาท ผู้ต้องหาอ้างว่านำอาวุธปืน
ติดตัวไปเพื่อป้องกันทรัพย์สิน ปืนดังกล่าวผู้ต้องหาได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้
โดยถูกต้องแล้ว
พร้อมกับแสดงเงินสด ๓๕,๐๐๐ บาท ให้พนักงานสอบสวนดูไว้เป็นหลักฐาน
ปรากฎว่าตำรวจค้นปืนได้จากที่เก็บของด้านหน้าซ้าย
ของรถยนต์
คันที่ผู้ต้องหาขับไป
อธิบดีกรมอัยการชี้ขาดว่า
ผู้ต้องหา
ไม่ได้พาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผย แต่ได้เก็บไว้ในที่เก็บของมิดชิด และการที่ผู้ต้องหา
ไปเก็บเงินจากลูกค้าต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก โดยพาอาวุธปืนซึ่งได้รับอนุญาตให้มี
และใช้แล้วติดตัวไปด้วยนั้น
นับว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
จึงชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑
พรบ.อาวุธปืนฯ
มาตรา ๘ ทวิ , ๗๒ ทวิ ฯลฯ
เรื่องที่ ๒ ..
ผู้ต้องหาถูกจับได้พร้อมปืนสั้นขนาด .๓๘ มีทะเบียนแล้ว กับมีกระสุน
ในลูกโม่ ๒ นัด
และกระสุนอยู่ในซองกระสุนอีก ๒๘ นัด
ของทั้งหมดอยู่ในกระเป๋าถือ
ใส่ไว้ในกระโปรงท้ายรถยนต์ของผู้ต้องหา
อธิบดีกรมอัยการชี้ขาดว่า ผู้ต้องหานำอาวุธปืนของตนที่ได้รับ
อนุญาตให้มีและใช้แล้ว
ใส่ไว้ในกระเป๋าถือ และเอากระเป๋าถือใส่ไว้ในกระโปรงรถยนต์
ซึ่งใส่กุญแจ
โดยสภาพมิใช่เป็นการพาอาวุธติดตัวและมิใช่โดยเปิดเผย
จึงชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา ฯลฯ
เรื่องที่ ๓ .. ผู้ต้องหาขับรถยนต์บรรทุก ๑๐ ล้อมาตามถนนสายธนบุรี
- ปากท่อ
ถูกตำรวจจับที่ด่านตรวจรถ
พร้อมปืนกับกระสุน ๗ นัดซึ่งผู้ต้องหาได้รับใบอนุญาต
ให้มีและใช้แล้ว
แต่ไม่มีใบพกพา
ปืนดังกล่าวอยู่ในกระเป๋าถือบนตะแกรงเหล็ก
เหนือที่นั่งของผู้ต้องหา
อธิบดีกรมอัยการชี้ขาดว่า ผู้ต้องหามีอาวุธปืนใส่ไว้
ในกระเป๋าถือ
เก็บไว้ในตะแกรงเหล็กเหนือศรีษะที่นั่งคนขับ โดยสภาพจึงไม่เป็นการ
พาอาวุธปืนติดตัว
ไม่เป็นความผิด
จึงชี้ขาดไม่ฟ้อง
ทั้ง ๓ เรื่อง มาจาก หนังสือ
เล่นปืนไม่ให้ถูกจับ ของอ. สมพร - ศรีนิดา พรหมหิตาธร
ซึ่งเป็นพนักงานอัยการเป็นผู้เขียน หน้าที่ ๕๐ - ๕๑ ( พิมพ์ครั้งที่ ๑๐ )
มาดูต่อครับ
ต่อไปเป็นความเห็นชี้ขาดความเห็นแย้งของอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการพกพาอาวุธปืนติดตัว
อัยการสูงสุดได้ชี้ขาดความเห็นแย้งที่ที่ ๖๔ / ๒๕๒๔
เกี่ยวกับการพกพา
อาวุธปืนติดตัวว่า
การพาอาวุธปืนติดตัวที่จะเป็นความผิดตาม พรบ. อาวุธปืน ฯลฯ
นั้น จะต้องเป็นการกระทำที่ผู้ต้องหานั้นอยู่ในวิสัยที่สามารถอาจใช้อาวุธปืนนั้นได้
ในทันที หากต้องการจะใช้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมการเพื่อการใช้ใดๆอีก
ดังนั้น การที่ผู้ต้องหานำอาวุธปืนไป
โดยเก็บไว้ที่เก็บของท้ายรถ จึงไม่ใช่เป็นการ
พาอาวุธปืนติดตัวไปตามความหมายของกฎหมาย การกระทำของผู้ต้องหาจึงขาดองค์
ประกอบความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ
และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑
จึงชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา
คดีชี้ขาดความเห็นแย้งที่ ๑๙ / ๒๕๓๗
อัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า
การพาอาวุธปืนติดตัวที่จะเป็นความผิดตาม พรบ.อาวุธปืนฯ
มาตรา ๘ ทวิ นั้น
จะต้องเป็นการกระทำที่ผู้กระทำนั้นอยู่ในวิสัยที่สามารถอาจใช้อาวุธปืนนั้นได้ในทันทีหากต้องการจะใช้
โดยไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมการเพื่อการใช้ใดๆอีก ฉะนั้น การที่ผู้ต้องหา
แยกอาวุธปืนกับกระสุนออกจากกันและบรรจุไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วนำกระเป๋าติดตัวมาด้วย
จึงไม่ใช่การพาอาวุธปืนติดตัวในความหมายของกฎหมาย
การกระทำของผู้ต้องหาจึงขาดองค์ประกอบความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ
และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑ จึงชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา
ที่มา ก็จากหนังสือเล่มเดียวกัน หน้าที่ ๕๖ -๕๗
:) ในยุค ป.๑๒ ขอยาก ก็ต้องเสี่ยงกันไป แต่หากว่าประชาชนคนใดพกพาแบบที่ว่ามาแล้ว
ข้างต้นก็มีสิทธฺได้รับความอะลุ่มอะหล่วยจากตำรวจได้
จึงอยากจะขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทั้งที่อยู่ในเวปและนอกเวปนี้ครับ
ได้โปรดอะลุ่มอะหล่วยกับคนบริสุทธิ์ที่ต้องพาปืนไปป้องกันตัวด้วยเถิดครับ
เพราะแม้คุณจะจับกุมไปไว้ก่อน แต่ผลสุดท้ายทางอัยการสูงสุดก็คงจะ
สั่งไม่ฟ้องได้ตามแนวทางดังกล่าวข้างต้น
หากประชาชนได้ให้ความร่วมมือดังกล่าวแล้ว ขอได้โปรดอะลุ่มอะหล่วยให้ด้วยครับ
ด้วยความปราถนาดีต่อเพื่อนๆสมาชิกชาวปืนทุกคนครับ
อย่างไรก็ตาม
แนวทางดังกล่าวข้างต้นก็สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของคำพิพากษาศาลฎีกาด้วยครับ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่
๓๙๔๕ / ๒๕๔๐ วินิจฉัยว่า
กระเป๋าเอกสารที่อาวุธปืนของกลาง
บรรจุอยู่ภายในนั้นโดยสภาพและคำพยานจำเลยแสดงว่า
มีกุญแจล็อคถึง ๒ ด้าน
ทั้งวางอยู่ที่เบาะด้านหลัง
การจะหยิบฉวยอาวุธปืนมาใช้ทันทีทันใดนั้น
ย่อมเป็นไปได้ยาก จึงมิอาจถือได้ว่าเป็นการพกพาติดตัว
ทั้งเหตุผลที่จำเลย
อ้างว่าเป็นการขนย้ายไปยังบ้านที่ต่างจังหวัดนั้น จำเลยมีสำเนาทะเบียนบ้านมานำสืบว่า
มีการย้ายภูมิลำเนาไปจริง
แม้จะภายหลังวันเวลาเกิดเหตุแต่ก็เพียงไม่กี่วัน ต้องรับฟังเป็นคุณ
แก่จำเลยตามที่อ้างว่าเจตนาเพียงขนย้ายสิ่งของ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบให้เห็น
เป็นอย่างอื่น
จึงต้องฟังว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ที่จะพาอาวุธของกลางไป
จำเลยไม่มีความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน ฯ มาตรา ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง
, ๗๒ วรรคสอง และ
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
๓๗๑
:) ครับจะเห็นว่าคดีนี้ แม้ศาลจะฟังว่าจำเลยย้ายของ
มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนก็ตาม
แต่ศาลฎีกาก็ได้วินิจฉัย ถึงหลักว่า
อย่างไรที่จะถือว่าเป็นการพกพาปืนติดตัวเอาไว้ด้วย
ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวทางดังกล่าวข้างต้น
และเป็นความยุติธรรมดีครับ
..
จึงอยากขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจโปรดอะลุ่มอะหล่วยเกี่ยวกับหลักการ
ดังกล่าวข้างต้นด้วยนะครับ .. :
ปล. หากท่าน ผองพัฒ ( วมต.) และท่านคณะบริหาร RO 01 - RO 05
พิจารณาแล้วเห็นว่า กระทู้ไม่สมควรหรือไม่เหมาะสม ก็ลบได้นะครับ .. :
โครงงานเรื่องอาวุธปืนพก
วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555
โทษของการใช้อาวุธปืนพก
เรื่องโทษของการ มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน.. |
1. กรณีเก็บปืนแบบแยกปืนใส่กล่อง ล็อคกุญแจ เวลาไปซ้อมยิงปืน หรือเคลื่อนย้ายปืนนั้น ตามกฎหมายไม่ถือว่าเป็นการ
พกพาอาวุธปืน เพราะการพกพาที่จะเป็นความผิดตามกฎหมายนั้นต้องเป็นไปในลักษณะที่สามารถหยิบปืนขึ้นมาใช้ได้ทันท่วงที ซึ่ง
กรณีเช่นนี้มีคำชี้ขาดของอัยการสูงสุด และคำพิพากษาของศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วว่าไม่เป็นความผิดฐานพกพาอาวุธปืน นอกจากนี้
ยังมีหนังสือเวียนของกองวิจัยและวางแผน ส่วนราชการกรมตำรวจ ที่ 0503 (ส)/27663 ลงวันที่ 30 กันยายน 2525 เรื่อง การปฏิบัติ
เกี่ยวกับการตรวจค้นบุคคลพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณสถาน ซึ่งวางแนวทางในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานตำรวจในการจับกุม
ผู้ที่พกพาอาวุธปืนซึ่งสอดคล้องกับคำชี้ขาดของอัยการสูงสุด และคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ที่กระทู้ปักหมุดด้านบน
ลองค้นหาดูนะครับ
2. ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยวางหลักเกี่ยวกับเรื่องการครอบครองอาวุธปืนไว้แล้วว่าการครอบครองปืนที่จะเป็นความผิดตามกฎหมายนั้น
ต้องเป็นการครอบครองโดยมีเจตนาจะยึดถือเพื่อตน แต่กรณีตามตัวอย่างที่เจ้าของกระทู้ยกมานั้นเห็นได้ว่าปืนก็ถูกเก็บรักษาไว้ภายในบ้าน
และสาเหตุที่ภรรยาต้องนำปืนออกมาใช้ก็เพื่อป้องกันภยันตรายที่มาถึงตัว ซึ่งการใช้ปืนในลักษณะดังกล่าวเป็นการนำมาใช้ชั่วคราวเพื่อป้อง
กันภยันตรายเท่านั้นมิได้มีเจตนาจะยึดถือเพื่อตน จึงไม่มีความผิดฐานครอบครองปืนผิดมือครับ
ถ้าอยากค้นหาคำพิพากษาฎีกาเกี่ยวกับอาวุธปืนเพิ่มเติมก็ลองค้นหาดูที่เว็บไซต์ของศาลฎีกานะครับ
ตามนี้ http://www.deka2007.supremecourt.or.th/deka/web/search.jsp
พกพาอาวุธปืน เพราะการพกพาที่จะเป็นความผิดตามกฎหมายนั้นต้องเป็นไปในลักษณะที่สามารถหยิบปืนขึ้นมาใช้ได้ทันท่วงที ซึ่ง
กรณีเช่นนี้มีคำชี้ขาดของอัยการสูงสุด และคำพิพากษาของศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วว่าไม่เป็นความผิดฐานพกพาอาวุธปืน นอกจากนี้
ยังมีหนังสือเวียนของกองวิจัยและวางแผน ส่วนราชการกรมตำรวจ ที่ 0503 (ส)/27663 ลงวันที่ 30 กันยายน 2525 เรื่อง การปฏิบัติ
เกี่ยวกับการตรวจค้นบุคคลพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณสถาน ซึ่งวางแนวทางในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานตำรวจในการจับกุม
ผู้ที่พกพาอาวุธปืนซึ่งสอดคล้องกับคำชี้ขาดของอัยการสูงสุด และคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ที่กระทู้ปักหมุดด้านบน
ลองค้นหาดูนะครับ
2. ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยวางหลักเกี่ยวกับเรื่องการครอบครองอาวุธปืนไว้แล้วว่าการครอบครองปืนที่จะเป็นความผิดตามกฎหมายนั้น
ต้องเป็นการครอบครองโดยมีเจตนาจะยึดถือเพื่อตน แต่กรณีตามตัวอย่างที่เจ้าของกระทู้ยกมานั้นเห็นได้ว่าปืนก็ถูกเก็บรักษาไว้ภายในบ้าน
และสาเหตุที่ภรรยาต้องนำปืนออกมาใช้ก็เพื่อป้องกันภยันตรายที่มาถึงตัว ซึ่งการใช้ปืนในลักษณะดังกล่าวเป็นการนำมาใช้ชั่วคราวเพื่อป้อง
กันภยันตรายเท่านั้นมิได้มีเจตนาจะยึดถือเพื่อตน จึงไม่มีความผิดฐานครอบครองปืนผิดมือครับ
ถ้าอยากค้นหาคำพิพากษาฎีกาเกี่ยวกับอาวุธปืนเพิ่มเติมก็ลองค้นหาดูที่เว็บไซต์ของศาลฎีกานะครับ
ตามนี้ http://www.deka2007.supremecourt.or.th/deka/web/search.jsp
วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
เทคนิคการยิงปืนพก ประกอบด้วย
1.ท่าทาง ( STANCE )
2.การจับปืน ( GRIP )
3.การจัดศูนย์ ( SIGHT ALLIGEMENT )
4.การเล็ง ( SIGHT PICTURE )
5.การควบคุมลมหายใจ ( BREATHING CONTROL )
6.การลั่นไก ( TRIGGER CONTROL )
7.การเล็งตาม ( FOLLOW THROUGH )
ท่าทาง
( STANCE
)
- ยืนตัวตรงกับเป้า เท้าแยกพอประมาณ (
ประมาณเสมอไหล่ )
- นน.ตัวอยู่ระหว่างกลางของเท้าทั้งสองข้าง ขาเหยียดตึง
- ล็อกเข่า เอว ไหล่ คอตั้งตรง ตามองที่เป้า
การจับปืน(
GRIP
)
- จับให้สูงใกล้แนวลำกล้องมากที่สุด เพื่อลดแรงสะท้อนถอยหลัง
- จับปืนให้กระชับให้แนวลำกล้องอยู่ใกล้แนวแขนมากที่สุด
- จัดวางนิ้วชี้ให้พอดีกับตำแหน่งที่เหนี่ยวไก
- ออกแรงบีบหน้าด้ามปืน ส่งแรงผ่านอุ้งมือ แล้วอัดเข้ากับข้อมือ
มือที่ไม่ถนัดนำมาประกบ ล็อกข้อมือ
การจัดศูนย์(
SIGHT
ALLIGEMENT )
- จับปืนชี้ลงพื้นประมาณ 45 องศา แขนเหยียดตึง
-
จัดศูนย์พอดีแล้วล็อกไว้
-
เงยหน้ามองหาเป้า จะเกิดแนวเส้นเล็ง ตา – เป้า
-
ยกปืนขึ้นสู่แนวเส้นเล็ง จะเกิดภาพ ตา – ศูนย์หลัง
- ศูนย์หน้า - เป้า
-
ถ้าไม่ตรง ให้จับปืนใหม่ หรือขยับตัวทางข้าง เข้า –ออกจนตรงพอดี ถ้าทำไม่ได้ให้กลับไปทำข้อ 1 ใหม่
การเล็ง(
SIGHT
PICTURE )
- ต้องมีสมาธิดี
- ปรับสายตาให้มองเห็นศูนย์ให้ชัด ( ศูนย์พอดี )
- ปรับสายตาผ่านศูนย์ให้เห็นเป้า หาจุดเล็ง
- ทำตามข้อ 2-3 สลับไป สลับมาหลาย ๆ ครั้ง เพื่อ
- ควบคุมภาพเล็งให้สมบูรณ์ตลอดเวลา และจะทำให้เกิดสมาธิ จิตมุ่งที่ภาพเล็ง
จะรู้การเคลื่อนไหวของภาพเล็งและเป้า
การควบคุมลมหายใจ(
BREATHING
CONTROL ) เพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหวน้อยที่สุด ให้ได้ภาพเล็งที่นิ่งที่สุด
ปฏิบัติดังนี้
-
หายใจเข้า 100 % แล้วผ่อนออก 20 %
-
กลั้นหายใจไว้ประมาณ 6 - 10 วินาที
การลั่นไก(
TRIGGER
CONTROL )
- ออกแรงเหนี่ยวไกอย่างสม่ำเสมอจนกว่ากระสุนจะลั่น
- ถ้าลั่นไกไม่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดแล้วให้ยกเลิก
- กลับมาเริ่มต้นใหม่
การเล็งตาม(
FOLLOW
THROUGH )
- เล็งตามทุกครั้งที่ทำการลั่นไก
- เพื่อให้มั่นใจว่าเกิดภาพเล็งที่สมบูรณ์ตลอดเวลา
- เพื่อให้ภาพเล็งในนัดต่อไปกลับมาอย่างเร็ว
** ทุกครั้งที่ปฏิบัติแล้วรู้สึกว่าไม่มั่นใจ ไม่ดีพอ ให้เิริ่มนับ 1 ใหม่ อย่าไปฝืนลั่นไก....
ฝึกให้ได้ตามนี้
แล้วเป้าของท่านจะไม่สะอาดอีกต่อไป...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)